ทัวร์สิบสองปันนา Backpack แบบประหยัด

11 มกราคม 2019, 14:45:40

ทัวร์สิบสองปันนา Backpack แบบประหยัด

เราเริ่มจากการทำวีซ่าจีน โดยหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ต่างๆ เป็นการทำวีซ่าครั้งแรกที่ต้องเตรียมเอกสารเอง ทำให้ยุ่งยากมากแต่ก็ผ่านไปได้ค่ะ เราเดินทางโดยการนั่งรถไปค่ะ ต้องเขียนจดหมายว่าเราเดินทางกี่วัน เดินทางกันกี่คนและเดินทางยังไง เราขอข้ามขั้นตอนการทำวีซ่าไปนะเพราะตอนที่ทำวีซ่าไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้



วันแรก พวกเราออกเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ไปที่จังหวัดเชียงราย โดยรถเมล์เขียว ค่ารถเมล์ 185 บาท



 


อันนี้เป็นรูปที่ถ่ายที่สถานีขนส่งเชียงใหม่ค่ะ เป็นรูปก่อนเดินทาง สภาพทุกคนยังดูดีอยู่  เราเดินทางถึงจังหวัดเชียงรายและเข้าพักที่เชียงรายเตรียมตัวเดินทางต่อในตอนเช้าค่ะ

วันที่สอง

พวกเราออกเดินทางจากเชียงรายแต่เช้าเพื่อนั่งรถต่อไปที่ อ. เชียงของค่ะ  ค่ารถเชียงราย - เชียงของ 65 บาทค่ะ



อันนี้คือรถที่พวกเราจะนั่งไป เราออกเดินทางกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึงเชียงของประมาณ 8 โมงกว่าๆ แล้วพวกเราก็นั่งรถตุ๊กๆ อาจารย์บอกว่าเป็นรถ sky lap มาที่ด่าน



อันนี้คือรถที่นั่งไปที่ด่าน แว๊นมาก

จากนั้นพวกเราก็มาขึ้นเรือข้ามฟากไปที่บ้านห้วยทราย ประเทศลาว (ค่าเรือข้ามฟาก 40 บาท)



พอมาถึงลาวพวกเราก็เหมารถตู้ ด้วยราคา 7000 บาท ไปที่บ่อเต็น ซึ่งก็คือด่านออกประเทศลาวเพื่อเข้าประเทศจีน ระหว่างทาง อาจารย์ให้รถตู้จอดแวะดูบ้านชาวบ้าน เป็นชาวแลนแตน สภาพบ้านเค้าจะอยู่กับพื้นดิน ตัวบ้านทำจากหญ้าคา



เป็นชาวพื้นเมืองเก่าในลาวที่อยู่อาศัยเหมือนๆกับชาวกะเหรี่ยงบ้านเรา

ต่อมาหมู่บ้านที่อาจารย์ให้รถตู้จอดให้อีกหมู่บ้านนึงก็คือหมู่บ้านของชาวละเม็ดค่ะ



บ้านจะต่างกับชาวแลนแตนที่ตัวบ้านยกพื้นสูง หมู่บ้านนี้อยู่ติดกับถนนใหญ่เลย



แล้วพวกเราก็นั่งรถตู้ตียาวไปจนถึงบ่อเต็นเลยค่ะ เราข้ามชายแดนมาที่บ่อหารคือฝั่งของจีนตอนสี่โมงเย็น จากนั้นก็นั่งรถตู้ต่อมาที่เมืองพงค่ะ ใครที่เคยไปสิบสองปันนาน่าจะพอทราบว่าคนที่นั้นอ่อนภาษาอังกฤษค่ะ เรียกว่าพูดไม่เป็น ฟังไม่ได้เลยทีเดียว พวกเราที่ไปไม่มีไกด์ ไม่มีใครพูดภาษาจีนเป็น มีแค่นับเลขได้ พอบอกจำนวนของคนที่จะไปได้นับว่าสุดยอดแล้วค่ะ เราไปกัน 14 คน การติดต่อรถนั้นยากมาก โชคดีที่แถวๆนั้นมีคนไทยที่มาเปิดร้านขายของอยู่เค้าเลยช่วยคุยให้พวกเรา ทำให้พวกเราได้นั่งรถมาจนถึงเมืองพงค่ะ



เมืองพงยามค่ำคืน ระหว่างทางที่นั่งรถตู้มา บอกเค้าว่าเหมารถนะ แต่เค้าดันแวะรับผู้โดยสารเพิ่มมาอีกสองคน เรางงเลยค่ะ นี่คือเหมารถหรอ? ขำๆค่ะ ถือว่าโชคดีมากที่เค้าแวะรับผู้โดยสารเพิ่มเพราะผู้โดยสารที่มาเพิ่มเป็นสองสาวชาวลาวที่เค้าจะมาเที่ยว เค้าฟังภาษาไทยได้ พูดจีนได้ เพื่อนที่ไปกะเรามีคนอีสานด้วย เลยติดต่อเค้าขอให้บอกรถตู้ไปส่งโรงแรมที่ราคาถูกๆให้หน่อย เค้าก็ช่วยหาค่ะ เราเลยได้ห้องพักที่ราคา 80 หยวนต่อห้อง นอนได้ 2 คนค่ะ  จากนั้นพวกเราก็ออกมาหาอาหารมื้อดึกทาน เป็นร้านอาหารที่สองสาวแนะนำก่อนที่สองสาวจะขอตัวไปเที่ยวกันต่อค่ะ

อาหารร้านนี้อร่อยมาก พวกเรากินข้าวกันแบบไม่ยั้งเลยค่ะเนื่องจากความเหนื่อยสะสมที่เดินทางข้ามถึง 3 ประเทศในวันเดียว ทำให้มื้อนี้หมดค่าอาหารไป 500 หยวน ประมาณ 2500 บาทค่ะ O_O

ยังไม่หมดกับการกินนะค่ะ อาจารย์จุลพรแนะนำให้พวกเราไปกินของปิ้งย่างต้นตำรับไทลื้อค่ะ เป็นปิ้งย่างที่เด็ดมาก มีรสเผ็ด ชา อร่อยมากเลยค่ะราคาขายก็เท่ากับบ้านเรา ไม้ละ 5 บาท หรือ 1 หยวน



เป็นร้านรถเข็นเล็กๆค่ะ เรียงขายกันแล้วก็มีโต๊ะให้นั่งกินด้านหลังรถเข็น แต่รสชาติเยี่ยมมากค่ะ มองข้ามเรื่องสถานที่ไปได้เลย หลังจากนั้นพวกเราก็กลับโรงแรมนอนค่ะ เตรียมตัวเดินทางไปเมืองล่ากันค่ะ

วันที่สาม พวกเราออกเดินทางจากโรงแรม 8 โมงเช้าค่ะ แวะหาข้าวเช้าทานกันที่ตลาดในเมืองพง สิ่งแรกที่เรามุ่งหน้าไปกันคือนี่เลยค่ะ



ซาลาเปา หมั่นโถว ลูกละ 1 หยวนค่ะ อร่อยมาก ต่อมาต่อด้วยพระเอกในทริปค่ะ



นี่คือข้าวซอย (ที่สิบสองปันนาเค้าเรียกกันแบบนี้) เส้นรสชาติเหมือนเส้นขนมจีนบ้านเราเลยค่ะ ต่างกันที่น้ำซุปจะจืดๆหน่อย มีเครื่องเคียงให้เติมเพียบเลยค่ะ ที่จีนนิยมผงชูรสมาก ถึงขั้นมีใส่ถ้วยไว้ให้ตักเติมเองกันเลยทีเดียวค่ะ

จากนั้นเราก็ไปเดินในตลาดกันค่ะ



ขณะที่เดินไป ชิมไป เราก็เจอชาวไทลื้อค่ะ อาจารย์ก็พูดคุยกับเค้าทำให้รู้ว่ามีหมู่บ้านไทลื้ออยู่กลางเมืองด้วย ซึ่งอีกไม่นาน หมู่บ้านเหล่านี้จะถูกแทนที่ด้วยสภาพของตึกสูง บ้านแบบชาวไทลื้อจะค่อยๆหายไปค่ะ กลายเป็นตึกแบบคอนเทมไทลื้อแทน ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายค่ะที่คนในยุคหลังๆอาจจะไม่ได้เห็นบ้านไทลื้อแบบดั้งเดิมอีก



นี่คือชาวไทลื้อที่เราเจอค่ะ



นี่คือบ้านไทลื้อที่อยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ๆ อาจจะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามสภาพแวดล้อมค่ะ

จากแผนแรกของเราที่เราจะไปเมืองล่า อาจารย์อยากให้การเดินทางกระชับมากขึ้น จึงพาพวกเราไปที่เมืองแวนค่ะ เพื่อไปดูหมู่บ้านไทลื้อของจริงที่ยังมีอยู่ค่ะ พวกเราจึงไปขึ้นรถที่ท่ารถของเมืองพง เพื่อไปเมืองแวนค่ะ แล้วเราก็โชคดีที่เจอคนไทลื้อค่ะ เค้าฟังภาษาไทได้ สื่อสารกันได้ เค้าเลยช่วยพวกเราซื้อตั๋วและบอกคนขับรถให้ค่ะ ทำให้เชื่อได้เลยว่าคนไทมาสิบสองปันนาพูดจีนไม่เป็นแต่เรายังมีเพื่อนที่มีความเป็นไทที่เค้าพร้อมจะช่วยเราซึ่งต่างจากคนจีนค่ะ เดินชนกันไม่มีขอโทษกันเลย




รถที่พวกเราขึ้นค่ะ



นี่เป็นทางเดินเข้าหมู่บ้านจากถนนใหญ่ค่ะ ต่อด้วยรูปของหมู่บ้านเลยนะค่ะ







แล้วเราก็เดินทางมาถึงบ้านชาวไทลื้อที่อาจารย์เคยมาขอพักอาศัยด้วยค่ะ คนที่นี่ต้อนรับเราแบบอบอุ่นมากค่ะ



เจ้าของบ้านชื่อพ่ออูปค่ะ พอเราไปถึงพ่ออูปก็มาต้อนรับ พ่ออูปบอกว่ามีงานที่วัดพอดีเลย พ่ออูปก็เลยพาพวกเราไปเที่ยวงานวัดกันค่ะ



นี่ค่ะพ่ออูป



พ่ออูปพามาไหว้พระที่วัดค่ะ ก่อนไปเที่ยวงานกัน



บรรยากาศที่มองมาจากวัดค่ะ วัดที่นี่อยู่สูงมากค่ะ เลยเห็นหมู่บ้านทั้งหมดเลย หลังจากนั้นพวกเราก็ลงมารอดูการแสดงกันค่ะ ระหว่างรอผู้ชายก็เล่นบาสกับเด็กๆแถวนั้น ส่วนสาวๆก็เดินหาของกินกันค่ะ



การแสดงในคืนนั้นค่ะ



จากนั้นเราก็ไปทานอาหารกันที่ร้านกลางหมู่บ้านค่ะก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านพ่ออูป



เป็นแสงที่เกิดจากความบังเอิญที่ให้ความรู้สึกที่ทรงพลังต่อสถาปัตยกรรมชิ้นนี้มากค่ะ

เริ่มเช้าวันที่สี่ด้วยอากาศที่หนาวมากจากบ้านพ่ออูป



บรรยากาศตอนเช้าค่ะ

เส้นทางนี้เป็นทางที่เราเจอห้องน้ำที่สะอาดสุดในจีน ค่าบริการ 1 หยวน ทุกคนยอมจ่ายเลยค่ะ จัดหนักจัดเต็มกันทุกคนก่อนที่เราจะนั่งรถต่อไปยังเมืองรวงเพื่อไปหมู่บ้านไทลื้ออีกหมู่บ้านนึงค่ะ



เมืองรวงมีหมู่บ้านไทลื้อที่มีฐานะกว่าเมืองแวนค่ะ บ้านด้านล่างจะเป็นอิฐ ส่วนด้านบนยังคงเป็นไม้ค่ะ แต่ยังคงลักษณะของบ้านไทลื้อไว้เหมือนเดิมค่ะ

เราเดินไปขอพักกับชาวไทลื้อโดยมีแม่อิ่นผู้ใจดีให้เราพักที่บ้านของแม่อิ่นค่ะ ชาวบ้านพอรู้ว่ามีคนไทมาทุกคนดีใจกันมากเลยค่ะ เพราะชาวไทลื้อที่นี่ส่วนใหญ่มีญาติอยู่ที่บ้านรวงเหนือง รวงใต้ อ.ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ค่ะ  แม่อิ่นรีบพาเราไปที่บ้าน ให้พวกเราวางข้าวของแล้วบอกว่าจะทำอาหารเย็นไว้รอ ระหว่างนั้นชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆก็รีบมาที่บ้านแม่อิ่นมาช่วยกันทำอาหารต้อนรับ เป็นสิ่งที่พวกเราประทับใจมาก เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เค้ากลับต้อนรับเราอย่างอบอุ่นค่ะ  จากนั้นเราก็ออกมาเดินดูสถาปัตยกรรมของที่นี่ คราวนี้เพื่อนในทริปเจอของเด็ดค่ะ กล้วยทอดอร่อยมาก ต่างจากที่ไทยสุดๆเลยค่ะ



หลังจากที่เราเดินสำรวจกันหมดแล้ว เราก็เดินกลับไปที่บ้านของแม่อิ่น แม่อิ่นทำอาหารไว้รอเพียบเลยค่ะ แถมยังปูฟูกนอนนุ่มๆให้พวกเราอีกคนละฟูกพร้อมหมอน ผ้าห่ม เป็นการตอนรับที่เราไม่คาดว่าจะได้เจอเลยค่ะ กินอิ่มนอนอุ่นของจริงเลย

เริ่มวันที่ห้าด้วยการไปออกกำลังกายค่ะ

พวกเราตื่นเช้ามา แม่อิ่นและคนอื่นๆกำลังยุ่งกับการทำอาหารเช้าให้พวกเราทานค่ะ เราเลยเดินไปที่ลานกิจกรรมของหมู่บ้านกัน



จะเห็นได้ว่าแม่ๆกำลังฟ้อนกันบนเวที และพ่อๆทั้งหลายกำลังเล่นวอลเลย์บอลกันอยู่ค่ะ พวกเราเลยไปขอแจมด้วย





หลังจากที่ทั้งเต้นทั้งเล่นกันจนเหงื่ออกแล้วก็กลับมากินค่ะ ทริปนี้เหมือนมากินมากกว่ามาดูสถาปัตยกรรมเลย หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ แม่อิ่นก็ถามพวกเราว่าจะเดินทางไปไหน โดยจุดหมายของพวกเราอยู่ที่เมือง ฮำค่ะ แม่อิ่นเลยเรียกรถตู้ในหมู่บ้านมารับพวกเราค่ะ ระหว่างที่ลากัน แม่อิ่นร้องไห้ ไม่อยากให้พวกเรากลับค่ะ



อาหารที่ทำเลี้ยงค่ะ

หลังจากที่เราออกเดินทางจากเมืองรวงไปเมืองฮำ ระหว่างทางเราต้องเอารถข้ามน้ำโขงค่ะ ตื่นเต้นๆ รถข้ามน้ำ ตอนแรกนึกว่าจะได้นั่งในรถ แต่เค้าให้คนออกมาลงแพอีกลำค่ะ





นี่เลยค่ะแพที่บรรทุกคน แต่รถจะเป็นแพอีกลำค่ะ

หลังจากที่ถึงเมืองฮำ อาจารย์จุลพรก็ขอแชะภาพกับคนขับรถใจดีทั้งสองคนด้วยค่ะ

เราหาที่พักในเมืองฮำแล้วเราออกเดินเท้าไปสำรวจบ้านไทลื้อในเมืองฮำกันค่ะ ขอโชว์แต่รูปภาพนะคะ









ระหว่างนั้นเราเจอวัดไทลื้อค่ะ วัดแบบดั้งเดิมเลยค่ะ เป็นวัดที่สวยมาก ก่อนทางเข้าวัดเราจะพบเสื้อบ้านของไทลื้อค่ะ









นี่เป็นตัว มังกะละ เป็นมังกรของจีนบวกกับนาคของไทยค่ะ มีที่หัวบันไดทางเข้าวัดค่ะ

จากนั้นพวกเราก็กลับโรงแรมไปหาอาหารเย็นทานกันก่อนจะออกเดินทางกลับไปที่ลาวในวันรุ่งขึ้นค่ะ

 

ที่มา : pantip.com
 



 


 



**************************************************
บริการจัดทัวร์ 
ทัวร์เชียงตุง ทัวร์เมืองยอง ทัวร์สิบสองปันนา ทัวร์คุนหมิงจีน ทัวร์หลวงพระบาง ทัวร์วังเวียงลาว ทัวร์มัณฑเลย์ ทัวร์พุกาม ทัวร์ทะเลสาบอินเล ทัวร์ตองจี ทัวร์รัฐฉาน

บริษัท เชียงตุงเรียลเอสเตท แอนด์ ทราเวล จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 21/00833
โทร : 092-891-2277,093-2537733,053-727255
ไลน์ไอดี : @chiangtung
เว๊ปไซค์ : Chiangtungbiz.com
youtube:http://bit.ly/2HDFdMO
 

บทความที่คุณอาจสนใจ

เปิดประวัติเชียงตุง!! ยลโฉมเจ้าชายรูปงาม "เจ้าจายหลวง"

วัดพระเจ้าหลวงน้ำยื้ออยู่เลยจากวัดน้ำไค้เข้าไปอีกราว 10 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางล้วนเป็นป่าดอยดงหนา สลับซับซ้อนสูงขึ้นเรื่อยๆ การหักร้างถางป่าดูจะเบาบางลง จะว่าเปล่าผู้หมู่ชนอาศัยก็ไม่ใช่ ศาลาพักยั้งระหว่างทางพอมีให้เห็นบ้าง ?มีศาลาย่อมมีหมู่บ้าน? หากแต่จะซ่อนตัวอยู่ ณ ที่ใดไม่อาจทราบได้ หรือเพราะดงใหญ่ไพรกว้าง จึงมีที่ทางทำกินมากแห่ง เหลือแบ่งที่ดินให้ไม้ใหญ่ใบหนาอยู่เคล้าฝอยฝ้าหมอกฝน หรือว่าอันที่ล้านโล้นโค่นเตียนอยู่ห่างจากมรรคาเข้าไป

เมืองได้กล่าวไว้ว่า เมื่อจุลศักราช 791 (พ.ศ. 1772) พญามังรายได้เสด็จประพาสป่าและทรงไล่กวางทองมาจนถึงเมืองเชียงตุง

เต๋ยทำจากต้นกกพันธุ์พื้นบ้าน ดูเผินๆคล้ายชุดทำนาของชาวญี่ปุ่น

ถูกใส่ร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนโดนประหาร

บริษัท ไชยนารายณ์ โกลเบิ้ล จำกัด

66 หมู่1 ถนนโชคชัย4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพ 10320

Tel ซื้อสินค้า : 063 5599 896

Tel ซื้อสินค้า : 092 891 2277

Tel ท่องเที่ยว :

Line ซื้อสินค้า : @chainarai

Line ท่องเที่ยว : @chainarai

Email : chainarai456@gmail.com

แผนที่

เพจ สิบสองปันนา หลวงพระบาง

เพจ เชียงตุง อยู่ดีกินหวาน